ความเชื่อของชาวอียิปต์กับชีวิตหลังความตาย

 

                                             เทพพระอาทิตย์ หรือ รา

     ความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย

           เมื่อฟาโรห์จบชีวิตลงในโลกของมนุษย์พระศพของฟาโรห์จะถูกนำไปทำเป็นมัมมี่เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อกันว่าการทำมัมมี่จะทำให้ร่างของฟาโรห์ยังคงความสมบูรณ์และเมื่อวิญญาณของฟาโรห์กลับมาอีกครั้งจะได้จดจำร่างกายของตนเองได้ หลังจากที่ฟาโรห์ตายวิญญาณขององค์ฟาโรห์จะรวมเข้ากับเทพพระอาทิตย์ หรือที่ชาวอียิปต์โบราณรู้จักกันในชื่อ รา

   

   เมื่อวิญญาณขององค์ฟาโรห์รวมเข้ากับรา องค์ฟาโรห์จะต้องถูกทดสอบความบริสุทธิ์ของร่างกายและจิตใจด้วยการผ่านประตูหรือด่านทั้ง 12 เป็นบททดสอบขององค์ฟาโรห์เพื่อการกลับมาเกิดใหม่เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อกันว่าเมื่อพระอาทิตย์ตกก็เหมือนเป็นการเริ่มบททดสอบของฟาโรห์เพื่อการกลับมาเกิดใหม่เหมือนกับพระอาทิตย์ที่ตกลงในตอนเย็นและพร้อมจะขึ้นมาส่องแสงสว่างในยามเช้า

         

         บริเวณใกล้เคียงกับพีระมิดคาเฟรยังมีสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน คือ มหาสฟิงซ์ มีตัวเป็นสิงโต และมีหัวเป็นมนุษย์ หมอบเฝ้าอยู่ใกล้กับพีระมิดคาเฟร และยังเป็นรูปแกะสลักขนาดใหญ่จากหินก้อนเดียว ซึ่งสฟิงซ์นั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่มีอยู่ในตำนานไอยคุปต์วิทยาของชาวอียิปต์โบราณ

          มีการอธิบายถึงสฟิงซ์ ในรูปแบบต่างๆมากมายแล้วแต่ตำนานของชนชาตินั้นๆ บ้างก็ว่า มีตัวเป็นสิงโต หัวเป็นหญิงสาว มีปีกแบบนกอินทรีย์ และสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ มีตำนานเล่าไว้ว่า สฟิงซ์นั้นจะคอยถามคำถามกับมนุษย์ที่ได้พบกับมัน ถ้าเกิดคนไหนตอบคำถามของมันไม่ได้ มนุษย์ผู้เคราะห์ร้ายก็จะถูกสฟิงห์นั้นสังหารและต้องจบชีวิตลง

          

              เปรียบเสมือนตัวแทนของฟาโรห์คาเฟรที่อยู่คู่พีระมิดมาจนถึงปัจจุบันนี้

          การที่ฟาโรห์คาเฟรสั่งให้สร้างสฟิงซ์ไว้ข้างหน้านั้นและสั่งให้แกะสลักใบหน้าของสฟิงซ์ เป็นหน้าของพระองค์เพื่อแสดงว่า พระองค์คือพระเจ้า เพราะชาวอียิปต์โบราณเชื่อกันว่า สฟิงซ์ นั้นคือร่างจำแลงภาคหนึ่งของเทพเจ้าโดยสังเกตได้ว่าส่้วนหัวของมหาสฟิงห์มีสัญลักษณ์ของฟาโรห์อียิปต์ มีเคราที่คาง และมีงูจงอางแผ่แม่เบี้ยที่หน้าผาก และมีเครื่องประดับรัดเกล้าแบบฟาโรห์