พีระมิดแห่งกีซา ในสมัย คริสต์ศตวรรษที่ 19
พีระมิดคูฟู หรือ พีระมิดคีออปส์
นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า มหาพีระมิดแห่งกีซา (อังกฤษ: The
Great Pyramid of Giza) เป็น
พีระมิดในประเทศอียิปต์ที่มีความใหญ่โตและเก่าแก่ที่สุด
ในหมู่พีระมิดทั้งสามแห่งกีซา เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในสมัย ฟาโรห์คูฟู (Khufu)
แห่ง ราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งปกครองอียิปต์โบราณ เมื่อประมาณ 2,600
ปีก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,600 ปีมาแล้ว เพื่อใช้เป็นที่เก็บรักษาพระศพ
ไว้รอการกลับคืนชีพ
ตามความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้นเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในสมัยของฟาโรห์คูฟู
มหาพีระมิด มีความสูงถึง 147 เมตร รูปทรงของพีระมิดมีลักษณะเฉพาะตัว
ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยด้านสามเหลี่ยม 4 ด้าน
ยอดสามเหลี่ยมแต่ละด้าน เอียงเข้าบรรจบกัน เป็นยอดแหลม ฐานทั้ง 4 ด้านของพีระมิด
กว้างด้านละประมาณ 230 เมตร (756 ฟุต กว้างกว่า สนามฟุตบอล ต่อกัน 2 สนาม)
คิดเป็นพื้นที่ฐานประมาณ 53,000 ตารางเมตรหรือประมาณ 33 ไร่ ฐานล่างสุดของพีระมิด
ก่อขึ้นบนชั้นหินแข็ง ซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นทราย เพื่อป้องกันปัญหา
การทรุดตัวของชั้นทราย ซึ่งจะมีผล กับความคงทนแข็งแรง ของโครงสร้างพีระมิด
ผิวหน้าแต่ละด้านของ พีระมิดคูฟู ทำมุมเอียงประมาณ 52 องศา ซึ่งมีส่วนทำให้พีระมิด
คงทนต่อการสึกกร่อน อันเนื่องมาจากพายุทรายตามที่มีข้อมูลปรากฏในแหล่งต่างๆ
อ้างถึง จำนวนหิน ที่นำมาก่อสร้าง พีระมิดคูฟู ต่างกันไปตั้งแต่ 2 ล้านถึง 2.6
ล้านก้อน ประมาณน้ำหนักเฉลี่ยก้อนละ 2.5 ตัน โดยจัดเรียงซ้อนกันขึ้นไปประมาณ 200
ชั้น คิดเป็นน้ำหนักรวมกว่า 6 ล้านตัน
วัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างพีระมิดแห่งกิซ่า
แหล่งหินที่นำมาสร้างพีระมิด
ไม่อยู่ในบริเวณที่ก่อสร้างแต่ต้องขนส่งจากเหมืองหินที่อยู่ห่างไกลนับร้อยไมล์
มาตามแม่น้ำไนล์
แล้วขนส่งทางบกต่อไปอีกจนถึงบริเวณก่อสร้างซึ่งห่างจากริมฝั่งแม่น้ำไนล์ประมาณ 22
กิโลเมตร หินปูนซึ่งเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้างส่วนใหญ่อยู่ทางใต้ห่างไปกว่า 200
กิโลเมตร เรียงรายตามแนวฝั่งแม่น้ำไนล์
การลำเลียงหินขึ้นลงจะใช้แคร่เลื่อนไม้และอาจใช้จังหวะที่มีน้ำท่วมเข้าถึงบริเวณเหมืองและพื้นที่ก่อสร้าง
เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนย้ายหิน
มีข้อสังเกตว่าพาหนะที่ใช้บรรทุกหินจะต้องสามารถรับน้ำหนักได้มากถึงหลายสิบตัน
จึงจะสามารถขนแท่งหินแกรนิตขนาดใหญ่ที่ใช้ในการก่อสร้าง
พาหนะดังกล่าวอาจมีลักษณะคล้ายเรือใหญ่ ซึ่งมีคานให้เรือขนาดเล็กกว่าหลายๆ
ลำช่วยกันพยุงรับน้ำหนักอยู่ด้านล่าง เมื่อเปรียบเทียบกับเรือขุดขนาดใหญ่ของไทยขนาด
45-55 ฝีพายซึ่งยาวร่วม 30 เมตร ยังสามารถรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 10 เมตริกตันต่อลำ
พาหนะที่ชาวอียิปต์โบราณใช้ขนส่งหินหนักถึง 70
เมตริกตันจะต้องรับน้ำหนักได้มากกว่าเรือขุดขนาดใหญ่ของไทยหลายเท่า
มีการขุดพบเรือโบราณขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้ในบริเวณเดียวกับ พีระมิดคูฟู
ที่เป็นหลักฐานว่าชาวอียิปต์โบราณมีความสามารถในการต่อเรือขนาด
แรงงานในการสร้างมหาพีระมิดแห่งกิซ่า
หากประมาณจำนวนแรงงานที่ใช้ก่อสร้างพีระมิด
จากจำนวนหินที่ใช้ก่อสร้าง 2,500,000 ก้อนหารด้วยระยะเวลาก่อสร้าง ปีละ 3-4 เดือนในฤดูน้ำหลาก
รวม 20 ปี จะพบว่าต้องก่อสร้างให้ได้ประมาณ 1,000 ถึง 1,400 ก้อนต่อวัน
หากต้องสกัดหินจากเหมืองหินให้ได้ขั้นต่ำวันละ 1,000 ก้อน
และต้องมีแรงงานขนหินออกจากเหมืองมายังแม่น้ำ
แรงงานสำหรับควบคุมการขนส่งมายังพื้นที่ก่อสร้าง และแรงงานสำหรับยกหินขึ้นฝั่งที่ปลายทาง
ถ้าทั้งหมดนี้ใช้คนทั้งสิ้นประมาณ 10 คนต่อหิน 1
ก้อนจะต้องมีแรงงานในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน
นิยามของมหาพีระมิดแห่งเมืองกิช่า
คำนิยามของคำว่า “ปิรามิด” จากนักปราชญ์หลายท่าน เช่น อาร์คิเมดิส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกได้ให้นิยามของ
“ปิรามิด” ดังนี้ พีระมิดแห่งกีซา
ยังจัดเป็นงานระดับอภิมหาโปรเจกต์แม้ในยุคปัจจุบัน
มีผู้ประเมินว่าหากทำการก่อสร้างพีระมิดคูฟูขึ้นใหม่เพียงหลังเดียว
โดยเลือกพื้นที่ รัฐแอริโซนาในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับสถานที่ก่อสร้างพีระมิดเดิม
แต่ได้เปรียบที่มีทางรถไฟสะดวกในการขนส่งวัสดุก่อสร้าง และใช้รถโฟค์ลิฟ 400 คัน
เครนก่อสร้าง 20 ตัว และเฮลิคอปเตอร์ขนส่งอีก 1 ลำ
โดยใช้หินปูนจากเหมืองหินสมัยใหม่รวม 4 แห่ง พร้อมทั้งงบประมาณอีกราว
45,000 ล้านบาท จะสามารถระดมก่อสร้างมหาพีระมิดคีออปส์ขึ้นมาได้ภายในเวลา 5 ปี
ความเชื่อของชาวอียิปต์ต่อพีระมิดคูฟู
ชาวอียิปต์เชื่อว่า
วิญญาณเป็นอมตะ เรียกว่า Ka มาจากเทพสูงสุดเป็นคนสร้างวิญญาณให้มนุษย์
เพราะว่าวิญญาณเป็นอมตะจึงต้องสร้างพีระมิดเพื่อเก็บมัมมี่
เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายกลับมาสู่ร่างเดิมได้ การสร้างพีระมิดในยุคแรกนั้น
เป็นเนินหลุมฝังธรรมดา เรียกว่า “มาสตาบา” (Mastabas)
แปลว่า ม้านั่ง ในภาษาอารบิก
ภายในลึกลงไปใต้ดินจะมีห้องหลายห้องสำหรับไว้เก็บศพหรือมัมมี่และสิ่งของผู้ตาย
ถัดมาจึงทำเป็นพีระมิดขนาดใหญ่มีทั้งรูปแบบที่เป็นพีระมิดแบบขั้นบันได
ต่อจากนั้นมีการสร้างพีระมิดที่มีด้านแต่ละด้านเรียบลาดเทลงมายังฐานสี่เหลี่ยม
เรียกว่า “พีระมิดหลวง” (Royal Pyramids) เช่น พีระมิด 3 องค์แห่งเมืองกีซา
และระยะหลังนอกจากการสร้างพีระมิดแล้วยังมีการสร้างวิหารสำหรับบูชาเทพเจ้า
เช่นในยุคราชวงศ์กลางมีการเน้นเรื่องเทพเจ้ามากขึ้น จึงมีการสร้างวิหารถวายเทพเจ้า
ส่วนมัมมี่ของฟาโรห์ก็มีการเก็บไว้ในภูเขาหิน หรือที่เรียกว่า “หุบเขากษัตริย์” ต่อมาในยุคราชวงศ์ใหม่มีการสร้างวิหารขึ้นอีก
2 แห่ง คือ วิหารสำหรับทำพิธีพระศพของฟาโรห์วิหารถวายเทพเจ้า
เช่นวิหารของพระนางฮัทเซพสุต (Queen Hatshepsut) และวิหารคาร์นัค
(Karnak)
การสร้างพีระมิดของชาวอียิปต์สะท้อนให้เห็นความเชื่อในเรื่องชีวิตหลังความตายและความเป็นอมตะของวิญญาณ
ถ้าตายแล้วจะยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปและยังมีความเกี่ยวข้องกับร่างเดิมอยู่
จึงมีแนวความคิดในการรักษาร่างเดิมไว้ โดยการทำมัมมี่
นอกจากความเชื่อในเทพเจ้าและการหมกมุ่นอยู่กับโลกหลังความตายแล้ว ยังปรากฏว่า
มีพัฒนาการความคิดทางด้านปรัชญาแฝงอยู่ในความเชื่อของชาวอียิปต์
เช่นในหนังสือของผู้ตาย (The Book of Dead) ซึ่งเป็นหนังสือทางศาสนาและพิธีกรรมที่มีบทบาทต่อวิถีชีวิตของชาวอียิปต์มากที่สุด
มีบทกวีที่ผู้ตายจะต้องกล่าวต่อเทพโอซิริส (Osiris) ว่า
“ข้าฯ ไม่ได้ทำให้ใครเจ็บปวด
ข้าฯ
ไม่ได้ทำให้คนหิวโหย
ข้าฯ
ไม่ได้ทำให้ใครหลั่งน้ำตา
ข้าฯ
ไม่ได้ทำให้คนตาย
ข้าฯ
ไม่ได้ทำให้คนต้องทุกข์ทรมาน”
บทกวีนี้สะท้อนให้เห็นหลักศีลธรรมจริยธรรมของชาวอียิปต์รวมถึงหลักเมตตาธรรมและอารมณ์ความรู้สึกด้านอื่นๆ
ของมนุษย์และการรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเองอีกด้วยงบประมาณอีกราว 45,000
ล้านบาท จะสามารถระดมก่อสร้างมหาพีระมิดคีออปส์ขึ้นมาได้ภายในเวลา 5 ปี
Merkur 34C Barber Pole Bar Open Comb
ตอบลบMerkur 34C Barber Pole Bar Open Comb DE Safety Razor septcasino - Open Comb 바카라 Chrome Finish. Get a quote on this Merkur 34C Barber Pole 메리트 카지노 주소 Bar Open Comb Chrome Finish.